วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

http://farm-machinery.agr.ku.ac.th/วันที่ 4 – 6 กันยายน 2552 คณะเกษตร ภาควิชาเกษตรกลวิธาน การฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของทรัพยากรพืช

 

ฝึกอบรม จัดโดยคณะเกษตร ภาควิชาเกษตรกลวิธาน
มี 3 โครงการ ไม่เสียค่าใช้จ่าย รายละเอียดดังนี้

1. การฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบการให้น้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตสำหรับพืชเศรษฐกิจ
เปิดรับสมัครจำนวน 40 คน
•        ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 5 – 7 มิถุนายน 2552
2. การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเครื่องยนต์การเกษตร เปิดรับสมัครรวม 2 รุ่น ๆ ละ 15 คน
•        รุ่นที่ 1 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 22 – 25 มิถุนายน 2552
•        รุ่นที่ 2 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 13 – 16 กรกฎาคม 2552

3.การฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของทรัพยากรพืช
เปิดรับสมัครรวม 2 รุ่น ๆ ละ 30 คน
•        รุ่นที่ 1 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2552
•        รุ่นที่ 2 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 4 – 6 กันยายน 2552

รับสมัครผ่าน เวปไซด์ http://farm-machinery.agr.ku.ac.th


--
      Weblink
http://ilaw.or.th
www.patani-conference.net
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.bedo.or.th/default.aspx
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://seminarmon.blogspot.com
http://seminartue.blogspot.com
http://seminarwed.blogspot.com
http://seminarthu.blogspot.com
http://seminarfri.blogspot.com
http://seminar1951.blogspot.com
http://seminardd.com

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คุณเก็บตารางนัดหมายที่ใด !! ลองมาดู Google Calendar และการเชื่อมโยงกับมือถือของคุณ

วันศุกร์ ที่ 10 กรกฎาคม 2552
คุณเก็บตารางนัดหมายที่ใด !! ลองมาดู Google Calendar และการเชื่อมโยงกับมือถือของคุณ
Posted by สภากาแฟ , ผู้อ่าน : 308 , 17:58:56 น.  
หมวด :
วิทยาศาสตร์/ไอที

พิมพ์หน้านี้


เมื่อวานนี้ได้ไปคุยกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้ประกอบการ SME พอดีไปคุยกันเรื่อง Calendar หรือตารางนัดหมายที่ใช้ๆกันในปัจจุบัน ผมถามเพื่อนๆว่าวันนี้ทำอย่างไร

  • บางคนโชคดีหน่อยทุกอย่างให้เลขาส่วนตัวทำหมด เวลาใครจะนัดหมายก็ให้ติดต่อเลขาแทน ผมถามเขาต่อว่าถ้าเป็นนัดหมายส่วนตัว หรือเลขาไม่อยู่ทำอย่างไร เพื่อนก็ตอบว่า ก็ต้องรอละ แล้วถ้าลืมละใครมาเตือนก็คงตอบไม่ได้
  • อีกรายดูดีหน่อย เขาเก็บทุกอย่างลงในเครื่อง Notebookของเขา ผมถามว่าแล้วถ้าไม่ได้พก Notebook อยู่แล้วคนโทรมานัดหมายทำอย่างไร เขาก็บอกว่าต้องกลับไป check ดูละ แล้วถ้าแต่ละวันมีหลายนัดทำอย่างไรถ้าไม่ได้เปิด Notebook ตลอด เขาก็บอกว่าก็ต้องจำเอาหรือจดไว้
  • คนสุดท้ายเก็บนัดหมายไว้ในโทรศัพท์ ก็ดูดีหน่อยพกติดตัวตลอด ผมถามเขาว่าแล้วนัดหมายเก่าๆทำอย่างไร พอดีเขาไม่ทราบว่า Sync กับ Notebook ได้ก็เลยแนะนำเขา แต่ก็มีปัญหาละเพราะต้องมั่นทำการ Sync กันบ่อยๆ และอีกอย่างถ้าเครื่องมือถือพังมาหรือหายไปคงวุ่น ถ้าไม่ได้ Sync ข้อมูลไว้ แต่ข้อสำคัญก็ต้อง Sync กับโปรแกรม Outlook หรือโปรแกรมนัดหมานที่อาจต้องเสียค่าลิขสิทธิ์นะครับ

ผมก็เลยบอกว่า ผมเก็บนัดหมายไว้ใน Google Calendar ข้อดีก็คือผมไม่ต้องหยุดติดกับเครื่องใดเครื่องหนึ่ง User Interface ก็เหมือนกับ โปรแกรมบน Desktop เราสามารถกำหนดการนัดหมายแล้วลากเคลื่อนที่ปรับเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นผมสามารถจะดูการนัดหมายผมผ่าน Web Browser เครื่องไหนก็ได้ สำหรับเครื่อง Notebook ตัวเองผมติด โปรแกรม Plugin ของ Mozilla Thunderbird ทำให้ผมสามารถดูการนัดหมายโดยไม่ต้องใช้ Web Browser และถ้ามีนัดหมายใดทาง E-mail ก็ปรับเปลี่ยนแก้ไขได้



เพื่อนๆที่มีมือถืออาจแย้งว่าใช้นัดหมายบนมือถือดีกว่า ผมก็บอกเลยว่า Google Calendar ผมนี่มัน Sync อยู่กับโปรแกรมนัดหมายบนมือถือ โดยผมเลือกใช้บรืการที่ติดตั้งที่เว็บไซต์ www.goosync.com ผมสามารถที่จะ sync กับมือถือได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน Internet หรือ GPRS ครับ ดังนั้นถ้าผมเล่นอยู่ในที่ๆมี Wifi ผมก็ Sync ผ่าน wifi ครับเพราะมื่อถือผมใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีสัญญาณ wifi ก็ sync ผ่านGPRS ของโอเปร์เรเตอร์ละครับ

บริการ Goosync ที่เป็น Basic คือ sync ได้หนึ่งเดือนใช้ฟรัครับ และก็สนับสนุนมือถือทุกรุ่นตั้งแต่ Nokia ไปจนถึง iPhone อย่างของผมใช้รุ่นNokia E71 ก็มีครับ แต่บังเอิญผมต้องเก็บนัดหมายล่วงหน้ามากเป็นเวลาหลายเดือนเลยเลือกใช้บริการแบบเสียเงินครับ ถึงตอนนี้ผมต้องบอกว่าการเก็บตารางนัดหมายของผมเป็นแบบ Ubiquitous คือทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์ จะดูผ่านเน็ตเครื่องใดก็ได้ หรือจะเลือกใช้โปรแกรม Notebook ส่วนตัว หรือจะดูผ่านมือถือ ข้อมูลตัวเดียวกันหมดครับ ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะหายไป


ผมว่าลองเข้าไดูซิครับ ท้ง Google Calendar, Goosync, และ Mozilla Thunderbird แต่ถ้ายังกังวลว่าเก็บตารางนัดหมายในGoogle ไม่ปลอดภัย กลัวข้อมูลหาย (!!!) ก็ยัง sync เข้ากับโปรแกรมนัดหมายใน Desktop ได้ ถ้าอยากจะเสียเงินซื้อ
http://www.oknation.net/blog/thananum/2009/07/10/entry-1


 

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กมธ.สภาผู้แทนราษฎร เผย การใช้จ่ายงบประมาณปี 51 ของกทม. ใน 5 โครงการ อาจส่อเค้าทุจริต

 

 

 

กมธ.สภาผู้แทนราษฎร เผย การใช้จ่ายงบประมาณปี 51 ของกทม. ใน 5 โครงการ อาจส่อเค้าทุจริต 

25 ส.ค. 52-             กมธ. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เผย การใช้จ่ายงบประมาณปี 51 ของกทม. ใน 5 โครงการ   อาจเป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง พร้อมเตือนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามระเบียบราชการอย่างเคร่งครัด         

ที่ประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร  ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียน กรณีขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ 2551 ของกรุงเทพมหานคร  ใน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการสัมมนาดูงานต่างประเทศ โครงการจัดซื้อจัดจ้างสื่อการเรียนการสอน โครงการจัดซื้อแว่นตาเพื่อผู้มีปัญหาทางสายตา โครงการจัดซื้อของขวัญปี 2552 และโครงการจัดซื้อเครื่องดับเพลิง   ซึ่งภายหลังจากได้ร่วมหารือกับ      ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานครถึงการดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว ทางกรรมาธิการฯได้              ตั้งข้อสังเกตว่า การจัดซื้อจัดจ้าง อาจดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ และเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง อย่างไรก็ตาม   กรรมาธิการฯ เห็นว่า เรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของหน่วยงานราชการ  จึงได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ได้รับทราบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง  และกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการปฏิบัติตามระเบียบโดยเคร่งครัด   ทั้งนี้ ทางกรรมาธิการฯ จะได้เร่งติดตามความคืบหน้าในส่วนนี้ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

เรณู  เขมาปัญญา  /  ผู้สื่อข่าว

มันทนา ศรีเพ็ญประภา/ เรียบเรียง

                               



ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://twitter.com/care2causes
http://twitter.com/actionalerts
http://tham-manamai.blogspot.com
http://thammanamai.blogspot.com
http://sunsangfun.blogspot.com
http://dbd-52hi5com.blogspot.com
http://sundara21.blogspot.com
http://newsnet1951.blogspot.com
http://same111.blogspot.com
http://sea-canoe.blogspot.com
http://seminarsweet.blogspot.com
http://sunsweet09.blogspot.com
http://dbd652.blogspot.com
http://net209.blogspot.com
http://parent-youth.blogspot.com
http://netnine.blogspot.com
http://parent-net.blogspot.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://www.educationatclick.com/th 







ถูกพบอยู่กับ Buddy! แท็กรูปของคุณแล้วลุ้นคว้ารางวัลอันน่าตื่นตาตื่นใจ คลิกที่นี่เลย

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คนเล็กจ่ายก่อน

วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11489 มติชนรายวัน


คนเล็กจ่ายก่อน


โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์




ข่าว สับสนของ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ ประชาชนในภาคใต้จำนวนหนึ่งถูกสั่งให้เสียเงินค่าโลกร้อน เพราะไปตัดต้นยางเก่าในพื้นที่ซึ่งพวกเขาอ้างว่าทำกินกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตา ยาย แม้สมมุติว่า พื้นที่สวนยางดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตวนอุทยานฯทับลงไปแล้ว ค่าปรับก็ยังเป็นค่าปรับที่ทำให้โลกร้อน (ด้วย) ไม่ใช่เพราะบุกรุกเขตวนอุทยานฯอยู่ดี

ฉะนั้น จึงน่าตกใจแก่ชาวบ้านร้านตลาดพอสมควร เพราะไม่รู้ว่าสิทธิการตัดต้นไม้ในบ้านเรือนไร่นาของตนเองได้หมดไปตั้งแต่ เมื่อไร ทางกรมอุทยานฯก็ออกมาปฏิเสธว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพราะกรมไม่เคยมีคดีกับชาวบ้านเรื่องนี้ แม้ชาวบ้านจะยืนยันว่าคำสั่งที่ตัวได้รับนั้นเป็นคำสั่งศาล

สื่อไม่ ได้ลงไปเจาะให้เจอตัวคำสั่งศาล หรือเจอความเข้าใจผิดของชาวบ้าน แต่สื่อกลับตอบโต้ด้วยการนำเอา พ.ร.บ.ซึ่งออกมาตั้งแต่ 2535 มีมาตราค่าปรับเรื่องการกระทำที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมายืนยัน ทางกรมอุทยานฯก็ยังยืนยันว่าไม่มีสูตรคิดค่าเสียหายจากชาวบ้านที่ตัดไม้ ทำลายป่า ในที่สุดมติชนไปได้เอกสารของกรมอุทยานฯ มีเลขที่และวันที่ชัดเจน ส่งถึงสำนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง เพื่อแจกแจงค่าเสียหายที่เกิดจากการบุกรุกทำลายป่าแห่งหนึ่ง และในนั้นมีรายการค่าปรับที่ "ทำให้อากาศร้อนมากขึ้น" เป็นเงินสี่หมื่นกว่าบาทต่อไร่ต่อปี

กรมอุทยานฯอ้างว่า คงเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องโยงข้อความใน พ.ร.บ.มาใช้ โดยทางกรมไม่เคยมีสูตรคิดเลย พูดอีกอย่างหนึ่งคือเป็นความขยันไม่เข้าเรื่องของข้าราชการระดับล่างโน่น - และผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนลงนามในหนังสือของกรมที่มีไปยังสำนักงานอัยการใน พ.ศ.2548

ยังมีความสับสนอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเกิดมาจากตัวกฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรืออาจเกิดจากความสับสนของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมาย

ภาวะ โลกร้อนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่มากในปัจจุบัน ทุกประเทศต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ในการลดเงื่อนไขที่ทำให้โลกร้อน ประชาชนในแต่ละประเทศก็มีภาระอย่างเดียวกัน ไม่ว่าจะมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ และไม่ว่าจะเอาคาร์บอนเครดิตไปขายได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมของมนุษย์ ทั้งที่เป็นไปโดยธรรมชาติ และที่ทำขึ้นเพื่อดำรงชีวิต ย่อมต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นธรรมดา ปัญหาคือจะแบ่งความรับผิดชอบของผู้กระทำอย่างไร

ในส่วนกิจกรรมที่ เป็นไปตามธรรมชาติ (ตั้งแต่ตดไปจนถึงอาบน้ำและกิน) กิจกรรมใดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้ทำเป็นปกติ แต่ส่วนที่เลี่ยงได้ หากอยากจะบริโภคอุปโภคให้ได้ ก็ต้องรับภาระเพิ่มขึ้น เช่นกระบวนการผลิตเนื้อวัวก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมาก ผู้บริโภคก็ต้องแบกรับราคาที่สูงกว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ประเภทอื่นเช่นปลา ตามธรรมชาติ

ในส่วนกิจกรรมอื่นที่นอกเหนือธรรมชาติ (เช่นตัดต้นยางเก่าออก) หลักการพิจารณาก็คือ มีทางเลือกอื่นที่เป็นไปได้ในเงื่อนไขที่เป็นธรรม อันจะก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกน้อยลงหรือไม่ หากไม่มี เช่นกรณีชาวบ้านที่ทำสวนยาง ถึงอย่างไรก็ต้องโค่นต้นยางเก่าทิ้ง และในเงื่อนไขทางเศรษฐกิจของชาวบ้าน ย่อมไม่มีเทคโนโลยีให้เลือกมากไปกว่าเลื่อย

ในกรณีเช่นนี้ หลักปฏิบัติที่เขาใช้กันทั่วไปก็คือ กระจายความรับผิดชอบไปให้แก่ทุกฝ่าย เช่นเอาค่าปรับโลกร้อนไปฝากไว้ในภาษีการซื้อ-ขายยางพารา จะฝากไว้ที่ระดับน้ำยาง หรือระดับผลิตภัณฑ์เช่นยางรถยนต์ก็ตาม แต่ผู้บริโภคต้องจ่าย โดยไม่เอาค่าปรับไปกระจุกไว้ที่ปัจเจกบุคคลที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก แล้วปล่อยให้ผู้บริโภคซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก กิจกรรมนั้นลอยนวลไป

และในทำนองเดียวกัน หากสังคมยอมให้ผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก (และก๊าซพิษอื่นๆ ด้วย) มากกว่าพลังงานอื่น โรงไฟฟ้าประเภทนั้นก็ต้องจ่ายภาษีโลกร้อนเพิ่มเข้ามา แต่โรงงานนั้นก็ไม่เดือดร้อนนัก เพราะสามารถกระจายภาระภาษีไปให้แก่ผู้บริโภคได้ ถึงตอนนั้นผู้บริโภคจะหลับหูหลับตาอนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินต่อไป ขอเพียงให้พ้นบ้านตัวเองเท่านั้น ก็ตามใจ เพราะทุกโรงไฟฟ้าถ่านหิน ค่าไฟฟ้าไม่ได้ถูกลง แต่กลับแพงขึ้น

ในทางตรงกันข้าม หากมีกระบวนการผลิตให้เลือกและในเงื่อนไขที่เป็นไปได้ ผู้ผลิตยังเลือกที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายที่ไม่ยอมบำบัดน้ำเสีย ก็ควรต้องรับผิดชอบกับค่าปรับโลกร้อนเองโดยตรง

แต่น่าประหลาดที่ใน เมืองไทย หลักปฏิบัติที่เขาใช้กันทั่วไปสำหรับจัดการกับการ "ละเมิด" ต่อสังคม กลับมักเป็นตรงข้าม กล่าวคือผลักภาระการ "ละเมิด" นั้นไปให้คนเล็กสุดรับเอาไว้ แล้วปกป้องผู้บริโภคกับนายทุนให้พ้นจากความรับผิดชอบเสีย หากผู้บริโภคไม่ต้องรับผิดชอบ การบริโภคก็ยังดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุด และนายทุนก็สามารถทำกำไรได้โดยไม่สะดุดเช่นกัน

ภาษีสิ่งแวดล้อมหรือ ภาษีโลกร้อนจึงไม่มีใช้ในเมืองไทย และตราบเท่าที่ไม่ยอมรับหลักการดังกล่าวข้างต้น หากขืนมีใช้ให้ได้ ก็น่ากลัวว่าจะกลายเป็นภาระอันหนักของคนตัวเล็กๆ... อย่างถูกต้องตามกฎหมายเสียด้วย

ในรอบ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน ยังมีข่าวชวนสับสนอีกเรื่องหนึ่งคือ เมื่อมีเหตุขัดข้องทางเทคนิคกับระบบส่งก๊าซธรรมชาติ ทั้งจากอ่าวไทยและพม่าพร้อมกัน กำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ จำเป็นต้องหาทางผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรีบด่วน

กฟผ.เหลือ ทางเลือกอยู่เพียงสองอย่าง คือผลิตไฟฟ้าจากกำลังน้ำที่เขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี เวลาที่กะทันหันเช่นนั้นย่อมเตือนภัยประชาชนที่อยู่อาศัยริมน้ำใต้เขื่อนไม่ ทันเป็นธรรมดา หรือสอง ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีต้นทุนสูงกว่าพลังน้ำมาก

กฟผ.เลือกการผลิตไฟฟ้า ฉุกเฉินด้วยพลังน้ำ และเกิดความเสียหายหลายประการแก่ประชาชนท้ายเขื่อน เพราะน้ำขึ้นอย่างรวดเร็วจนเก็บข้าวของไม่ทัน

เหตุใด กฟผ.จึงใช้ทางเลือกนี้ คำตอบที่เห็นได้ชัดก็คือ เพราะต้นทุนจะต่ำสุด แต่ที่ต้นทุนต่ำได้นั้นก็เพราะประชาชนท้ายเขื่อนเป็นผู้แบกรับต้นทุนส่วน ใหญ่เอาไว้ หมายความว่าบ้านเรือนที่ใช้ไฟฟ้าในช่วงนั้น รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งไม่ต้องหยุดเครื่องระหว่างนั้น อันเป็นความเสียหายมีมูลค่าสูงมาก ได้ใช้ไฟฟ้าในราคาเดิม บนความเสียหายของทรัพย์สินชาวบ้านท้ายเขื่อนศรีนครินทร์

ก็เรื่องเดิมอีกเช่นเคย คนเล็กๆ คือผู้แบกรับภาระรับผิดชอบก่อนเสมอ

เวลา นี้ ชาวบ้านท้ายเขื่อนกำลังเรียกร้องค่าเสียหาย เฉพาะวันแรกวันเดียวที่เปิดให้แจ้ง ก็รวมมูลค่าความเสียหายไปแล้วถึง 50 ล้านบาท แพงกว่าที่จะใช้น้ำมันแก้ปัญหาฉุกเฉินอย่างเทียบกันไม่ได้

แต่ กฟผ.ตั้งอยู่ในประเทศไทยมานาน ย่อมรู้ดีว่า ในที่สุด กฟผ.ก็ไม่ต้องจ่าย หรือจ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนโยบายหลักของประเทศไทยก็คือ คนเล็กๆ รับภาระรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของภาวะฉุกเฉินก่อนเสมอ ขณะนี้ กฟผ.กำลังมองหากฎหมายว่าจะจ่ายค่าเสียหายนี้ได้อย่างไร และพบว่าไม่มีกฎหมาย ฉะนั้นต้องเสนอให้ร่างกฎหมายขึ้นมาเพื่อการนี้ในภายหน้า

ตอนนี้ยังจ่ายไม่ได้ และการตัดสินใจของ กฟผ.ที่จะแก้ปัญหาไฟฟ้าขาดฉุกเฉินอย่างที่ได้ตัดสินใจไปแล้วนั้น ก็ถูกต้องอยู่แล้ว

ปรากฏการณ์ พิลึกพิลั่นเหล่านี้ เป็นเพียงผิวนอกที่เรามองเห็นได้จากความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้าง ที่ครอบงำสังคมการเมืองไทยอย่างลึกซึ้งตลอดมา การเมืองใหม่ที่พร่ำเพ้อแต่หลักการเชิงศีลธรรมของนักการเมืองก็ตาม การเคลื่อนไหวเพื่อแสวงหาความเป็นธรรมให้พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ก็ตาม ล้วนเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เมื่อเทียบกับความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้างที่เราเผชิญอยู่

การใช้ ความรุนแรง (ในทุกความหมาย) เป็นเครื่องมือในความขัดแย้งก็เป็นเรื่องเศร้าอยู่แล้ว แต่มาคิดถึงความขี้ปะติ๋วของประเด็นที่ขัดแย้งกัน ยิ่งทำให้น่าเศร้าขึ้นไปอีก

ถึงจะสมานฉันท์กันได้สักวันหนึ่ง ก็คงสมานฉันท์กันในเรื่องขี้ปะติ๋วเท่านั้น


หน้า 6
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01240852&sectionid=0130&day=2009-08-24

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://twitter.com/care2causes
http://twitter.com/actionalerts
http://tham-manamai.blogspot.com
http://thammanamai.blogspot.com
http://sunsangfun.blogspot.com
http://dbd-52hi5com.blogspot.com
http://sundara21.blogspot.com
http://newsnet1951.blogspot.com
http://same111.blogspot.com
http://sea-canoe.blogspot.com
http://seminarsweet.blogspot.com
http://sunsweet09.blogspot.com
http://dbd652.blogspot.com
http://net209.blogspot.com
http://parent-youth.blogspot.com
http://netnine.blogspot.com
http://parent-net.blogspot.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://www.educationatclick.com/th 







ปาร์ตี้ไปกับ Buddy! เติมประกายให้ Messenger ของคุณด้วย emoticons ฟรีๆ คลิกที่นี่เลย

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ต้อหินกับคอมพิวเตอร์

ต้อหินกับคอมพิวเตอร์

"ต้อหิน" เป็นโรคที่มีการทำลายประสาทตาอย่างช้าๆ โดยผู้ที่เป็นมักมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือความดันในตาสูง ทำให้ลูกตาแข็งกว่าปกติอันเป็นที่มาของชื่อที่ว่า ต้อหิน นอกจากดวงตาจะแข็งเหมือนหินแล้วยังเป็นโรคที่การรักษาค่อนข้างจะยุ่งยากหรือ ค่อนข้างหินตามภาษาชาวบ้าน หากรักษาไม่ได้ตาจะบอดเกือบทุกราย ซ้ำรายต้อหินบางชนิดนอกจากทำให้ตาบอดแล้วยังเจ็บปวดอีก คือแม้ตาไม่เห็นแล้วเจ้าตัวยังมีอาการเจ็บปวด ทุกข์ทรมานจนบางคนยอมให้แพทย์เอาตาออกเพื่อระงับความเจ็บปวด

ต้อหินมีด้วยกัน 3 ชนิด
การใช้ยาหยอดตาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการต้อหินได้
  • ชนิดแรก
  • เป็นต้อหินโดยไม่ทราบสาเหตุพบมากที่สุด
  • ชนิดที่สอง
  • เป็นต้อหินเนื่องจากมีโรคอื่นอยู่ก่อนแล้วเกิดแทรกซ้อน ด้วยโรคต้อหินตามหลังพบรองลงมา และ
  • ชนิดที่สาม
  • พบน้อยที่สุดเป็นต้อหินในเด็กเป็นมาแต่กำเนิด คือเป็นโรคต้อหินตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลยทีเดียว เกิดเนื่องจากการกำเนิดลูกตาระหว่างที่เป็นตัวอ่อนในครรภ์มีความผิดปกติ ทำให้น้ำภายในลูกตาไหลเวียนไม่สะดวก มีน้ำคั่งในลูกตาทำให้ความดันตาสูงขึ้น
ต้อ หินที่สำคัญเป็นต้อหินชนิดแรกที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเหตุใดจึงเกิดกับคนๆ นั้นๆ ในขณะที่ผู้อื่นไม่เป็นกัน ต้อหินชนิดนี้เป็นโรคสำคัญที่ทำให้ประชากรของโลกตาบอด รองลงมาจากต้อกระจก ต้อหินชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุนี้ยังแบ่งออกได้ 2 ลักษณะตามอาการแสดงที่มาพบแพทย์ เรียกกันว่า ต้อหินมุมเปิดหรือต้อหินเรื้อรัง และ ต้อหินมุมปิด ซึ่งมักจะเรียกกันว่าต้อหินเฉียบพลัน สำหรับต้อหินเฉียบพลันนั้นคนที่เป็นมักมีอาการอย่างกะทันหันโดยมีอาการปวดตา ปวดศีรษะ ตาแดง และตามัวอย่างฉับพลัน จึงไม่ค่อยมีปัญหาในการมาพบแพทย์นักเนื่องจากมักจะทนไม่ไหวกับอาการเจ็บปวด ส่วนต้อหินเรื้อรังค่อนข้างจะเป็นปัญหาในบ้านเรา เพราะว่าเป็นต้อหินที่ค่อยเป็นค่อยไปไม่เจ็บปวด อีกทั้งตาไม่แดงแต่สายตาจะมัวลงอย่างช้าๆ กว่าเจ้าตัวจะรู้ก็เกือบจะบอดแล้วเป็นต้อหินที่สัมพันธ์กับการใช้ คอมพิวเตอร์ที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้

ต้อหินมุมเปิดหรือต้อหินเรื้อรัง แม้เราไม่รู้สาเหตุของการเกิดอย่างแท้จริง แต่ก็ได้พยายามศึกษาถึงลักษณะของโรค พยายามแก้ไขไม่ให้ผู้ที่เป็นต้อตาบอด สิ่งที่เราทราบก็คือต้อหินชนิดนี้มักพบในคนสูงอายุ มักพบในผู้ที่เป็นเบาหวาน ผู้ที่เป็นโรคของต่อมไทรอยด์ ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ ผู้ที่นอนกรนมากจนหยุดการหายใจ (sleep apnea) ความดันโลหิตสูงและผู้ที่มีสายตาสั้น จนบางคนอาจกล่าวว่ายีนส์ของการถ่ายทอดโรคทางกรรมพันธุ์ของต้อหิน เบาหวาน และสายตาสั้นคงจะอยู่ชิดกันมาก จึงพบโรคทั้ง 3 ในคนเดียวกันเสมอๆ

การใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดต้อหินได้
ต้อหินมุมเปิดหรือต้อหินเรื้อรังนี้ สัมพันธ์กับการใช้คอมพิวเตอร์จากการศึกษาของแพทย์ชาวญี่ปุ่นอย่างไร ? ตามที่กล่าวแล้วว่าต้อหินชนิดนี้พบในคนสูงอายุ การศึกษานี้ก็ตรวจเฉพาะคนสูงอายุเช่นเดียวกัน มีการศึกษาของหลายประเทศตามอุบัติการณ์ของต้อหินชนิดนี้ได้ 1-2 % ในประชากรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป การศึกษานี้พบต้อหินได้ประมาณ 1-6% อยู่ในตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน ชาวญี่ปุ่นมีอุบัติการณ์สายตาสั้นค่อนข้างมากจึงน่าเชื่อว่าชาวญี่ปุ่นที่นำ มาศึกษาน่าจะมีสายตาสั้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงอันหนึ่งของการเป็นต้อหิน

ส่วนอีกประการหนึ่งการที่สายตาสั้นแม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่าเกิดจาก อะไร แต่เชื่อกันว่าผู้ที่ใช้สายตาเพ่งมองใกล้มาก พวกหนอนหนังสือ ผู้ที่มีไอคิวสูงมักจะมีสายตาสั้น ทั้งหมดจึงอาจเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้กันมานานแล้ว การ ศึกษาของจักษุแพทย์ชาวญี่ปุ่นนี้จึงเน้นย้ำให้ประชาชนระวังถึงโอกาสการเป็น ต้อหินซึ่งอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์โดยตรงที่ยังพิสูจน์ ไม่ได้แน่ชัดในปัจจุบัน ภาษิตโบราณว่าถ้าจิ้งจกทักเรายังต้องระวัง ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ในระยะที่เหมาะสมแม้จะไม่ได้ป้องกันโรคต้อ หินแต่ก็ทำให้ไม่มีภาวะสายตาเมื่อยล้า ตาแห้งจากการใช้คอมพิวเตอร์มากไป

อย่างไรก็ตาม เราคงไม่ต้องตื่นกลัวการเป็นต้อหินจากการใช้คอมพิวเตอร์ตามข่าวนี้ แต่ก็ไม่ควรเพิกเฉยกับโรคนี้ ด้วยอุบัติการณ์ที่พบได้ 1-2% ในคนสูงอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยไม่มีอาการอะไรนำมาก่อน ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปจึงควรได้รับการตรวจตาอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อที่ว่าหากพบโรคนี้ในระยะแรก การรักษาในระยะแรกจะทำให้คุณมีโอกาสสูญเสียสายตาน้อยที่สุด และยิ่งถ้าคุณมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก เช่น เป็นโรคเบาหวาน มีความดันโลหิตสูง มีโรคหลอดเลือด มีภาวะสายตาสั้น มีประวัติโรคต้อหินในครอบครัว คุณควรต้องเฝ้าระวังโดยการตรวจหาภาวะต้อหินอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์คงหลีกเลี่ยงการใช้ไม่ได้ ในโลกของข้อมูลข่าวสารปัจจุบันควรใช้คอมพิวเตอร์ครั้งละ 2 ชั่วโมง พักสายตาไปทำงานอื่น 15 นาทีแล้วกลับมาทำใหม่ การจัดระบบของโต๊ะและจอคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมทำให้คุณสบายตา ไม่เมื่อยล้าและอาจจะชะลอมิให้คุณมีสายตาที่สั้นเพิ่มขึ้นลดปัจจัยเสี่ยงของ การเป็นต้อหินก็เป็นได้



ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
 

https://www.myfirstbrain.com/Knowledge_View.aspx?Id=69904
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thanks for visiting!  
http://www.parent-youth.net
http://ilaw.or.th
http://ww2.oja.go.th/home
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.projectlib.in.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.nstda.or.th/th
http://www.arda.or.th
http://www.nppdo.go.th
http://www.tlcthai.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.oknation.net/blog/assistance
http://weblogcamp2009.blogspot.com/

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ป้ายกำกับ

ผู้ติดตาม